Audience Targeting

การใช้ Audience Targeting ใน Google Ads

Audience Targeting หรือการกำหนดกลุ่มเป้าหมายใน Google Ads เป็นเทคนิคสำคัญที่ช่วยให้โฆษณาของคุณแสดงเฉพาะกับผู้ที่มีแนวโน้มสนใจสินค้าหรือบริการของคุณมากที่สุด การเลือกกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมสามารถเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ ลดค่าใช้จ่ายต่อ Conversion และเพิ่ม ROI (ผลตอบแทนจากการลงทุน)

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักประเภทของ Audience Targeting และวิธีการใช้งานให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด


1. Audience Targeting คืออะไร?

Audience Targeting คือการเลือกกลุ่มผู้ใช้ที่มีคุณลักษณะเฉพาะเพื่อแสดงโฆษณาของคุณ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น

  • ความสนใจ (Interests)
  • พฤติกรรมการค้นหา (Search Behavior)
  • ข้อมูลประชากร (Demographics)
  • การเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ (Remarketing)

2. ประเภทของ Audience Targeting ใน Google Ads

2.1 Affinity Audiences

กลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจในหัวข้อเฉพาะ เช่น กีฬา เทคโนโลยี หรือท่องเที่ยว
เหมาะสำหรับ:

  • การสร้างการรับรู้แบรนด์
  • แคมเปญที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายวงกว้าง

ตัวอย่าง:

  • โปรโมทสินค้าแฟชั่นให้กับกลุ่มที่สนใจ “Trendy Shoppers”

2.2 In-Market Audiences

กลุ่มเป้าหมายที่กำลังหาข้อมูลและมีแนวโน้มจะซื้อสินค้า/บริการในกลุ่มเฉพาะ
เหมาะสำหรับ:

  • การเพิ่ม Conversion
  • แคมเปญที่ต้องการเจาะกลุ่มลูกค้าที่พร้อมซื้อ

ตัวอย่าง:

  • โปรโมทประกันรถยนต์ให้กับกลุ่มที่กำลังค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ “ประกันภัยรถยนต์”

2.3 Custom Audiences

สร้างกลุ่มเป้าหมายเฉพาะตามความต้องการ เช่น การใช้คำหลัก เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันที่ผู้ใช้สนใจ
เหมาะสำหรับ:

  • แคมเปญที่ต้องการกำหนดเป้าหมายอย่างละเอียด
  • ธุรกิจที่มีความเฉพาะเจาะจงในกลุ่มลูกค้า

ตัวอย่าง:

  • เลือกกลุ่มเป้าหมายที่ค้นหาคำว่า “รีวิวที่พักหรู”

2.4 Remarketing Audiences

กลุ่มเป้าหมายที่เคยโต้ตอบกับธุรกิจของคุณ เช่น เข้าชมเว็บไซต์ ดาวน์โหลดแอป หรือเพิ่มสินค้าในตะกร้า
เหมาะสำหรับ:

  • กระตุ้นการกลับมาซื้อซ้ำ
  • แคมเปญที่ต้องการดึงลูกค้ากลับมา

ตัวอย่าง:

  • ส่งโฆษณาส่วนลด 10% ให้ผู้ที่เพิ่มสินค้าในตะกร้าแต่ยังไม่ได้ชำระเงิน

2.5 Similar Audiences

กลุ่มเป้าหมายที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับลูกค้าปัจจุบันของคุณ
เหมาะสำหรับ:

  • ขยายฐานลูกค้าใหม่
  • เพิ่มโอกาสในการขายสินค้า

ตัวอย่าง:

  • ขายเครื่องสำอางให้กลุ่มเป้าหมายที่มีพฤติกรรมเหมือนลูกค้าปัจจุบันที่ซื้อสินค้าเป็นประจำ

2.6 Demographic Targeting

กลุ่มเป้าหมายตามข้อมูลประชากร เช่น อายุ เพศ รายได้ หรือสถานภาพสมรส
เหมาะสำหรับ:

  • ธุรกิจที่มีความชัดเจนในกลุ่มลูกค้า
  • การกำหนดเป้าหมายที่แคบและแม่นยำ

ตัวอย่าง:

  • โปรโมทสินค้าสำหรับคุณแม่มือใหม่ในกลุ่มผู้หญิงอายุ 25-34 ปี

3. วิธีตั้งค่า Audience Targeting ใน Google Ads

  1. เข้าสู่บัญชี Google Ads ของคุณ
    ไปที่แคมเปญที่ต้องการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย
  2. เลือกเมนู “Audiences”
    เลือกประเภทกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการ
  3. กำหนดกลุ่มเป้าหมาย
    เลือกจาก Audience Types เช่น Affinity, In-Market, หรือ Remarketing
  4. บันทึกและติดตามผลลัพธ์
    ตรวจสอบประสิทธิภาพของแคมเปญผ่านแดชบอร์ด Google Ads

4. เคล็ดลับการใช้ Audience Targeting ให้ได้ผล

  • เลือกกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมกับเป้าหมายแคมเปญ: เช่น หากต้องการยอดขาย ให้เน้นกลุ่ม In-Market
  • ปรับแต่งกลุ่มเป้าหมาย: ใช้ Custom Audiences เพื่อสร้างกลุ่มเฉพาะ
  • ใช้ Remarketing อย่างมีประสิทธิภาพ: นำเสนอข้อเสนอพิเศษหรือส่วนลดให้กับกลุ่มที่เคยโต้ตอบกับคุณ
  • วิเคราะห์ข้อมูลกลุ่มเป้าหมาย: ใช้ข้อมูลจาก Google Analytics เพื่อเลือกกลุ่มที่มีแนวโน้มสูงที่สุด

5. ประโยชน์ของ Audience Targeting

  • เพิ่มความแม่นยำของโฆษณา: ช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าที่มีความสนใจตรงกับสินค้า/บริการของคุณ
  • ลดต้นทุน: โฆษณาของคุณจะแสดงเฉพาะกับกลุ่มเป้าหมายที่มีโอกาส Conversion สูง
  • เพิ่ม ROI: ช่วยให้การลงทุนในโฆษณาเกิดผลลัพธ์ที่คุ้มค่า

เชิญเรียนคอร์ส Google Ads กับเรา

หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ Audience Targeting อย่างเต็มประสิทธิภาพ
คอร์ส Google Ads ของเราจะช่วยคุณได้!

สิ่งที่คุณจะได้เรียนรู้:

  • การเลือกกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมกับธุรกิจ
  • เทคนิคการตั้งค่า Remarketing และ Custom Audiences
  • การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพแคมเปญ

สมัครเรียนวันนี้!
เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญด้าน Google Ads คลิก ที่นี่ เพื่อดูรายละเอียดและลงทะเบียน!

จองคอร์สเรียน LINE ICON